ขายยาสลบ ยาสลบทุกชนิด แต่ละประเภทมีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป ข้อมูลยาสลบที่รวมข้อมูลมีดังนี้ การใช้ยาสลบควรใช้อย่างถูกวิธี ควรได้รับคำแนะนำโดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญ
การให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปหรือการวางยาสลบ
|
![]() เจ็บปวดและกล้ามเนื้อคลายตัวเพื่อทำให้ศัลยแพทย์สามารถทำการผ่าตัดได้ การวางยาสลบจะเริ่มจากการที่ให้ยานำสลบผ่านทาง สายน้ำเกลือหรือการสูดดมยาสลบผ่านทางหน้ากากจากนั้นจะทำการควบคุมระดับยาสลบให้เพียงพอ ติดตามการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายพร้อมทั้งป้องกันหรือแก้ไขภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัด เมื่อการผ่าตัดใกล้เสร็จสิ้นจะทำการลดระดับยาสลบ เพื่อให้ผู้ป่วย ตื่นรู้สึกตัว |
![]() ปรกติผู้ป่วยจะได้พบทีมวิสัญญีเพื่อตรวจร่างกายสอบถามข้อมูลที่สำคัญ ผู้ป่วยจะต้องบอกประวัติสุขภาพทั้งอดีตและปัจจุบัน ซึ่งประกอบด้วย - ประวัติโรคประจำตัวที่ท่านเป็นอยู่ ซึ่งบางโรคอาจเป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายในระหว่างการให้ยาสลบได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคหอบหืด รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับการรักษาที่ได้รับ - ประวัติการใช้ยา เช่น ยารักษาโรคความดัน โรคหัวใจ หอบหืด ยาเบาหวาน ยาหยอดตาสำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคต้อหิน เพื่อว่า แพทย์จะได้ดูแลรักษาท่านอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอ - การมีเลือดประจำเดือนในผู้ป่วยหญิง ควรแจ้งให้แพทย์ทราบด้วย เพราะการมีประจำเดือนผู้ป่วยจะรู้สึกอ่อนเพลียเนื่องจาก สูญเสียเลือดบางส่วนและการผ่าตัดที่ทำให้เสียเลือด แพทย์อาจจะต้องเลื่อนการผ่าตัด - ประวัติการแพ้ยา เคยรับประทานยา ฉีดยาชนิดใดแล้วมีอาการผิดปกติ เช่น มีผื่นขึ้นตามตัว หน้ามืด เป็นลมหรือมีอาการช็อก เป็นต้น - ประวัติการได้รับยาสลบครั้งก่อนแล้วมีปัญหา เช่น คลื่นไส้อาเจียนมาก,ตัวเหลืองหลังดมยาสลบ - ประวัติการตั้งครรภ์ควรบอกให้แพทย์ทราบทุกครั้งว่าท่านกำลังตั้งครรภ์หรือสงสับว่าอาจกำลังตั้งครรภ์ขณะที่ต้องเข้ารับ การผ่าตัด - ประวัติการเสียชีวิตขณะเข้ารับการผ่าตัด ที่ไม่ทราบสาเหตุของญาติพี่น้องสายตรง เพราะเป็นโรคทางพันธุกรรมที่มีผลกระทบ ต่อยาดมสลบได้ จากนั้นผู้ป่วยอาจจะได้รับการส่งตรวจทางห้องปฏิบัติการหรือ x-ray เพิ่มเติม อาจจะต้องได้รับการดูแลจากแพทย์เฉพาะทาง สาขาอื่นๆ เช่น อายุรแพทย์ หทัยแพทย์ หลังจากประมวลข้อมูลทั้งหมดของผู้ป่วย ผู้ป่วยจะได้รับการแบ่งสภาพความแข็งแรงของร่างกาย ออกเป็นแบบต่างๆ ซึ่งจะบ่งบอกถึงความเสี่ยงของตัวผู้ป่วย ในบางกรณีที่ผู้ป่วยยังไม่มีความพร้อม อาจจะต้องได้รับการเลื่อนผ่าตัด ออกไปก่อน ส่วนผู้ป่วยที่มีความพร้อมผู้ป่วยจะได้รับการแจ้งข้อมูลทั่วไปเรื่องการเตรียมตัวก่อนผ่าตัดซึ่งประกอบด้วย - ควรรับประทานอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม เป็นอาหารเย็นของวันก่อนผ่าตัด - หลังเที่ยงคืนให้งดอาหารทุกชนิด(จำเป็นต้องงดอาหารประมาณ 6-8 ชั่วโมง ก่อนเข้าห้องผ่าตัด เพื่อป้องกัน การสำลักอาหาร เข้าปอด ซึ่งจะทำให้เกิดปอดอักเสบและเป็นอันตรายถึงเสียชีวิต) - สามารถดื่มน้ำเปล่าได้ 30 ซีซี ก่อน 6.30 น. ของเช้าวันผ่าตัดหรือก่อนเข้าห้องผ่าตัด 2 ชั่วโมง (ในผู้ป่วยเด็กการคำนวณให้ น้ำเปล่า = 0.5 ซีซี x น้ำหนัก (kg.) เช่นเด็กน้ำหนัก 10 กิโลกรัมให้ดื่มน้ำเปล่าได้ 5 ซีซี) - อาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาด สระผม ตัดเล็บ เพราะหลังผ่าตัดจะทำความสะอาดร่างกายยาก ไม่ทาแป้ง ไม่ทาลิปสติก ล้างสีเล็บออกให้เรียบร้อยเพราะสีของริมฝีปาก สีของเล็บจะบ่งบอกถึงระดับออกซิเจนในกระแสเลือด สีของเล็บที่ทาไว้จะมีรบกวน การแปลผลของเครื่องตรวจปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสโลหิต - ควรใส่เสื้อผ้าหลวมสบายและควรถอดชุดชั้นในออกด้วย - ถอดเครื่องประดับ เช่น ตุ้มหู สร้อยคอ ตุ้มที่ใส่ลิ้น กิ๊บติดผม ผ้ายันต์ แหวน เพราะเครื่องประดับที่เป็นโลหะจะมีปัญหากับ อุปกรณ์ที่ใช้ในห้องผ่าตัดและอาจเกิดแผลไฟไหม้บริเวณผิวหนังที่สัมผัสกับเครื่องประดับโลหะได้ - ของมีค่าต่าง ๆ ไม่ควรนำติดตัวไปห้องผ่าตัด ควรฝากไว้ที่ญาติหรือพยาบาลประจำตึก เพื่อป้องกันการสูญหาย ฟันปลอม ควรถอดออกก่อนเข้าห้องผ่าตัด เพื่อป้องกันการหลุดลงไปในหลอดลมขณะดมยาสลบ - นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถสอบถามขั้นตอนต่างๆที่ผู้ป่วยจะประสพพบ รวมทั้งคำถามต่างๆที่ผู้ป่วยสงสัย |
![]() ในเช้าของวันผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการให้น้ำเกลือที่บริเวณมือหรือแขนคุณสามารถชมการให้น้ำเกลือได้โดยการเลือกกดปุ่มนี้ vdo เมื่อมาถึงห้องผ่าตัดจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของตัวผู้ป่วย เอกสารต่างๆ รวมทั้งตรวจเช็คความพร้อมของตัวผู้ป่วยอีกครั้ง โดยทีมวิสัญญีและพยาบาลประจำห้องผ่าตัด เมื่อผู้ป่วยเข้าห้องผ่าตัดแล้วผู้ป่วยจะได้รับการติดเครื่องมืออุปกรณ์ทางวิสัญญีเพื่อที่จะ ดูแลท่านระหว่างที่ท่านได้รับการผ่าตัด เช่น - การวัดความดันต่อเนื่องอย่างน้อย 5 นาทีต่อครั้ง - การตรวจคลื่นหัวใจและอัตราการเต้นของหัวใจตลอดเวลา - ปริมาณความเข้มข้นของออกซิเจนในกระแสโลหิตตลอดเวลา - การเฝ้าระวังอุณหภูมิของร่างกาย - ปริมาณค่าคาร์บอนไดออกไซด์จากลมหายใจออก - จำนวนปริมาณยาสลบที่ผู้ป่วยได้รับ - ปริมาณปัสสาวะต่อชั่วโมง - ความลึกของการสลบ - ปริมาณการสูญเสียโลหิต - ปริมาณสารน้ำ แ ละโลหิตที่ ทดแทน การติดตามดูแลดังกล่าวเป็นไปเพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ป่วย และจะใช้ในการผ่าตัดทั่วไปแต่ถ้าเป็นการผ่าตัดใหญ่ๆ เช่นการผ่าตัดสมอง หัวใจอาจจะต้องมีการใช้อุปกรณ์ติดตามดูแลมากกว่านี้ ผู้ป่วยจะได้รับคำแนะนำให้สูดออกซิเจนผ่านทางหน้ากากเพื่อเตรียมพร้อมในการสลบ ได้รับยานำสลบผ่านทางสายน้ำเกลือ เพียงชั่วขณะเดียวผู้ป่วยก็จะสลบไป ท่านจะตื่นอีกครั้งหลังจากการผ่าตัดเสร็จสิ้น โดยอาจจะยังมีท่อช่วยหายใจอยู่ในปาก ผู้ป่วยบางครั้ง อาจจะยังสบสนขณะตื่น ถ้าท่านรู้สึกตัวดีแล้วกรุณาอย่าดิ้นหรือลุกจากเตียงเพราะอาจทำให้ท่านได้รับบาดเจ็บจากการตกเตียง สำหรับการให้ยาระงับความรู้สึกแบบทั่วไปหรือการให้ยาสลบโดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะต้องได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจเพื่อ ช่วยหายใจและการให้ยาสลบ โดยการใช้เครื่องมือช่วยใส่ท่อหายใจ นำท่อหายใจใส่เข้าหลอดลม ดังรูปภาพ สำหรับท่านที่สนใจชมการใส่ท่อช่วยหายใจสามารถ กดปุ่มนี้ชม VDOได้ ในบางกรณีเช่นในการผ่าตัดแบบช่วงสั้นๆหรือการผ่าตัดแบบผู้ป่วยนอกท่านอาจจะได้รับการใส่ท่อช่วยหายใจแบบที่เรียกว่า หน้ากากครอบกล่องเสียง (Laryngeal Mask Airway) ท่านสามารถชมสาธิตการใส่ท่อช่วยหายใจแบบนี้ได้ โดยการกดปุ่มนี้ |
![]() การให้ยาระงับความรู้สึกเป็นหัตถการที่ค่อนข้างจะมีความยุ่งยาก ซับซ้อน(บ้างแต่ก็ไม่มาก) เปรียบเหมือนการขับเครื่องบินที่จะต้อง มีอุปกรณ์ช่วยในการบิน สามารถวัดระดับความสูง ติดตามการทำงานของเครื่องยนต์ การให้ยาระงับความรู้สึกก็เป็นเช่นเดียวกันจำเป็นต้อง มีอุปกรณ์การให้ยาสลบ ระบบการตรวจสอบการตอบสนองของร่างกาย ระบบการเตือนภัย ตัวอย่างอุปกรณ์ทางวิสัญญีเช่น เครื่องดมยาสลบ และเครื่องช่วยหายใจจะเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยควบคุมการให้ออกซิเจน ยาดมสลบแก่คนไข้โดยมีอุปกรณ์การควบคุมระดับการไหลออกของ ก๊าซต่างๆอย่างถูกต้องเพื่อให้ระดับยาสลบสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็วทำให้การควบคุมระดับการสลบได้ อุปกรณ์ติดตามระบบการทำงานของร่างกาย จะเป็นตัวบอกถึงสภาพระบบต่างๆของร่างกาย การตอบสนองของร่างกายต่อยา ระดับ ความลึกของการสลบ อุปกรณ์ดังกล่าวจะมีการตั้งระบบเตือนภัยเมื่อเกิดมีความผิดปกติเกิดขึ้นทำให้ทีมงานสามารถทราบเหตุการณ์ อย่างทันท่วงทีเช่นเมือคนไข้เริ่มมีอัตราการเต้นของหัวใจเร็วขึ้นแสดงว่าผู้ป่วยอาจมีระดับยาสลบต่ำเกินไปหรือเป็นอาการตอบสนอง จากการสูญเสียโลหิต อุปกรณ์ติดตามระบบการทำงานของร่างกายจะมีอยู่หลายระบบหากท่านต้องการรายละเอียดดังกล่าวสามารถ สอบถามจากทีมวิสัญญี เครื่องดมยาสลบและอุปกรณ์ติดตามระบบการทำงานของร่างกายของโรงพยาบาลจะมีการบำรุงรักษาตลอดเวลาเพื่อให้สามารถ ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพตลอดเวลา |
![]() หลังการผ่าตัดผู้ป่วยจะได้รับการดูแลรักษาตัวอยู่ในห้องพักฟื้นเพื่อป้องกันและรักษาภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดกับผู้ป่วยได้ ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะพบ (โดยเฉพาะในวันแรกๆของการผ่าตัด) ได้ มีดังนี้ - อาการคลื่นไส้อาเจียน โดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก เบาหวาน คนท้อง คนที่น้ำหนักมาก คนที่มักจะเมารถเมาเรือ - อาการเจ็บคอ เสียงแหบ ปวดศีรษะ มึนงง ซึมง่วงนอนปวดกล้ามเนื้อ อาการดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยทุกราย แต่ก็พบได้บ่อย - อาการเจ็บปวดบริเวณแผลผ่าตัด เมื่อผู้ป่วยเริ่มตื่นดีอาจจะมีอาการเริ่มปวดแผลได้ ให้แจ้งกับทีมพยาบาลห้องพักฟื้นหรือ วิสัญญีแพทย์เพื่อให้ยาระงับปวด เมื่อผู้ป่วยฟื้นตัวพอ ภาวะแทรกซ้อนได้รับการรักษา สัญญาณชีพคงที่ อาการปวดได้รับการบรรเทาและได้รับการประเมิน ว่าแข็งแรงพอจึงส่งตัวผู้ป่วยกลับหอผู้ป่วยหรือให้ผู้ป่วยกลับบ้านได้ โดยปกติแล้วผู้ป่วยจะได้รับการสังเกตอาการในห้องฟักฟื้น ประมาณ 1-2 ชั่วโมง |
![]() เมื่อถามว่าการให้ยาระงับความรู้สึกหรือการให้ยาสลบมีความเสี่ยงหรือไม่ คำตอบก็คือ .....มี ความเสี่ยงทางวิสัญญีหรือภาวะแทรกซ้อนนั้นจะขึ้นอยู่กับความแข็งแรงหรือโรคประจำตัวของผู้ป่วย ชนิดของการผ่าตัดและ เทคนิคในการวางยาสลบ ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงมากๆพบได้น้อยมากๆแต่ก็ยังสามารถพบได้ มีการประเมินความเสี่ยงในที่ผู้ป่วย แข็งแรงสมบูรณ์มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายถึงชีวิตพบได้ 1/151,000-1/244,000 หรือประมาณ 4-5 รายในทุกๆ การผ่าตัดหรือการให้ยาระงับความรู้สึก 1,000,000 ครั้ง เมื่อถามว่าความเสี่ยงดังกล่าวมากหรือไม่ ก็ขอตอบว่าสามารถเปรียบเทียบว่า โอกาสเสี่ยงเท่ากับโอกาสที่เราจะเกิดอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกซึ่งความเสี่ยงดังกล่าวน้อยกว่าการอุบัติเหตุทางรถยนต์หรือการ เดินข้ามถนนอยู่ 25 เท่า หมายความว่าการให้ยาระงับความรู้สึกหรือการให้ยาสลบมีความปลอดภัยกว่าการขับรถยนต์หรือ การเดินข้ามถนนของคุณ 25 เท่า!!! เพราะฉะนั้นเมื่อเรายังต้องขับรถยนต์หรือต้องเดินข้ามถนนอยู่ทุกวันแล้วเรายังปลอดภัย ก็น่าจะทำให้ท่านคลายความวิตกกังวลไปได้ ตัวอย่าง การใช้ยาสลบ |